สาเหตุที่ทำให้เราได้ยินเสียงดังจากห้องข้างๆ เช่น เสียงพูดคุย เสียงคุยโทรศัพท์ เสียงทีวี เสียงเปิดเพลง เสียงเล่นเกมส์
เพราะผนังที่กั้นระหว่างห้องมีประสิทธิภาพในการป้องกันเสียงไม่เพียงพอ ปัญหาที่พบบ่อยจะเป็นผนังกั้นระหว่างคอนโด บ้านตึก ทาวน์โฮมที่อยู่ติดกัน
วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการกั้นเสียงของผนังที่ถูกต้อง คือการติดตั้งระบบผนังเบากันเสียงทับหน้าผนังเดิมของห้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันเสียงให้ได้ดีที่สุด
โดยขั้นตอนการดำเนินการทำได้ดังต่อไปนี้
ทำการตรวจสอบโดยการแสกนผนังเพื่อดูแนวรอยท่อน้ำ ภายในผนัง ป้องกันการยิงสกรูยึดโครงไปโดนท่อน้ำ
ทำการปกปิดเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องให้เรียบร้อยป้องกันฝุ่นละออง
ในกรณีที่ผนังเดิมของห้องก่อไม่ถึงท้องพื้นของชั้นบน ทำให้เหนือฝ้าเพดานมีรูรั่ว จะต้องเปิดฝ้าออกและอุดรูรั่วทั้งหมดก่อน
ติดตั้งโครงผนังเบา โดยต้องไม่ให้โครงชิดติดกับผนังเดิมของห้อง
กรุฉนวนกันเสียง ISO - NOISE รุ่นพรีเมี่ยม ใหม่ หนาถึง 65 มม ภายในโครงผนังให้เต็มพื้นที่
ปิดทับด้วยแผ่นยิปซั่ม หรือแผ่นสมาร์บอร์ด ความหนาอย่างน้อย 9 มิลลิเมตร จำนวน 3 ชั้น โดยทำการฉาบรอยต่อทุกชั้น
ฉาบโป้วพื้นผิวภายนอก และทาสี เก็บความเรียบร้อย
ยิงซิลิโคนบริเวณรอยต่อขอบผนังทุกด้านเพื่อป้องกันรอยรั่วอากาศบริเวณรอยต่อเหล่านี้
หลังจากติดตั้งผนังจะหนาขึ้นอย่างน้อย 12 ซม หรืออาจจะหนาขึ้นกว่านี้ได้ถ้าอยากให้กันเสียงได้ดี
5. ระบบผนังเบากันเสียงช่วยกันเสียงกระแทกได้หรือไม่
เสียงกระแทกเช่น เสียงเปิดปิดประตู เสียงทำครัว เสียงเปิดปิดลิ้นชักตู้ เสียงพวกนี้เป็นเสียงกระแทก แล้วสร้างแรงสั่นสะเทือนมาตามโครงสร้างอาคาร (Structure borne nosie) เสียงพวกนี้ไม่ได้ทะลุผ่านผนังด้านที่คุณต้องการทำผนังกันเสียงโดยตรงเพียงแค่ด้านเดียว แต่มันจะมากตามโครงสร้างอาคารที่เชื่อมต่อกับทุกด้าน ดังนั้นเสียงกระแทก การทำผนังกันเสียงจะช่วยได้น้อยมาก หรือบ่อยครั้งพบว่าเสียงอาจจะไม่ลดลงเลย
วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือ ต้องไปจัดการที่ต้นตอของแหล่งกำเนิดเสียง เช่น ติดยางรองประตู ลิ้นชัก หากทำครัว ต้องเอายางหรือผ้าหนาๆ มารองอุปกรณ์ทำครัวเพื่อป้องกันเสียงเสียงกระแทกที่ไหลมาตามโครงสร้างอาคาร
2. หลังจากทำผนังกันเสียงไปแล้ว สามารถกันเสียงได้ 100% เลยไหม
หากเสียงจากห้องที่รบกวนเป็นเพียงพูดคุย หรือเปิดเสียงในระดับความดังปกติ สามารถพูดได้ว่า ระบบผนังที่ปรับปรุงสามารถป้องกันเสียงได้แทบ 100%
แต่หากข้างห้อง ใช้เสียงที่ดังมาก เช่น ตะโกน หรือมีปาร์ตี้เสียงดัง ก็อาจจะได้ยินเสียงแว่ว มากประมาณ 30% ให้รู้ว่า ข้างห้องกำลังทำเสียงดังอยู่
อย่างไรก็ตามจากการติดตั้งผนังกันเสียงมาเป็นพันเคส พบว่าวิธีนี้ได้ผลค่อนข้างน่าพึงพอใจ 100% เพราะผนังที่ปรับปรุงช่วยให้สร้างความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
3. ถ้าอยากให้ผนังกันเสียงได้ 100% ทุกสถานการณ์ทำได้หรือไม่
หากต้องการให้ผนังกันเสียงได้มากขึ้น อาจจะต้องตั้งโครงผนังให้ห่างจากผนังเดิมมากกว่านี้ โดยปกติ จะต้องตั้งห่างจากผนังเดิมอย่างน้อย 60 ซม จะช่วยให้สามารถกันเสียงได้ 100% แต่ส่วนใหญ่จะเจอปัญหาไม่สามารถทำผนังที่หนาขนาดนั้นด้วยเพราะจะไปทำให้พื้นที่ใช้สอบภายในห้อง หรือภายในบ้านหายไปค่อนข้างเยอะ
ส่วนใหญ่แล้วผนังหนาขึ้น 12-15 ซม จะเห็นความหนาผนังที่เหมาะสมในการติดตั้งภายในบ้าน โดยที่กันเสียงได้ค่อนข้างมากและไม่กินพื้นที่เยอะ
4. ถ้าไม่อยากวุ่นวายทำผนัง ซื้อแผ่นสำเร็จมาทากาวติดตั้งจะได้ผลไหม
ได้ผลน้อยมาก หากแผ่นซับเสียงมีน้ำหนักมากหน่อยก็อาจจะลดได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามค่าการกันเสียงจากการซื้อแผ่นสำเร็จมาติดตั้ง จะลดเสียงลงไม่พอที่ทำให้ห้องคุณเงียบพอที่ใช้จะใช้งานได้อย่างมีความสุขแน่นอน ทางวิศวกรไม่อยากแนะนำวิธีนี้เพราะไม่คุ้มกับเงินที่คุณจะต้องจ่ายไป
สนใจบริการติดตั้งผนังกันเสียงที่ได้ผลจริง ด้วยทีมงานมืออาชีพ (รับงานเฉพาะในกทม)
หรือ สั่งซื้อฉนวนกันเสียง ISO NOISE
โทร 062-195-1909
1. หลังจากติดตั้งระบบผนังกันเสียงไปแล้วค่าการกันเสียงเพิ่มขึ้นแค่ไหน
โดยหลังจากติดตั้งระบบผนังกันเสียงไปแล้วตามที่แนะนำจากผลการทดสอบพบว่าประสิทธิภาพในการป้องกันเสียงเพิ่มขึ้นจาก STC43 มาเป็น 67 ซึ่งถือว่า ค่าการกันเสียงเพิ่มขึ้นสูงมาก ได้ตามมาตรฐานระบบผนังที่เหมาะสมกับการใช้เป็นระบบผนังที่กั้นระหว่างตามมาตรฐาน สากล
ยกตัวอย่างเช่น FWHA ได้แนะนำระบบผนังกันเสียงระหว่างห้องควรมีค่า STC มากกว่า 60 ซึ่งถือว่าเป็นค่าการกันเสียงที่ดีมาก ดังแสดงในรูปด้านล่าง